ปีนี้ YouTube จะมีอายุครบ 20 ปีแล้ว ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา YouTube ได้พลิกโฉมวัฒนธรรมผ่านวิดีโอและสร้างเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่เฟื่องฟู ปัจจุบันครีเอเตอร์ได้เปลี่ยนจากการถ่ายทำวิดีโอที่มีภาพไม่ละเอียดในคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปมาเป็นการสร้างสตูดิโอและการผลิตรายการทอล์กโชว์ที่ได้รับความนิยม รวมไปถึงภาพยนตร์เรื่องยาว นอกจากนี้ ผู้คนก็ไม่ได้ดู YouTube แค่ในคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์อีกต่อไปแล้ว ทีวีได้รับความนิยมมากกว่าอุปกรณ์เคลื่อนที่ และในตอนนี้ก็กลายเป็นอุปกรณ์หลักสำหรับการดู YouTube ในสหรัฐอเมริกา (อิงตามเวลาในการรับชม)* โดยรายงานของ Nielsen ระบุว่า YouTube มีเวลาในการรับชมสตรีมมิงเป็นอันดับที่ 1 ในสหรัฐอเมริกานานถึง 2 ปี** และตอนนี้ก็ยังมี AI เข้ามาอีก ซึ่งแม้จะยังอยู่ในยุคแรกเริ่ม แต่ AI ก็ได้สร้างความแตกต่างอย่างมากให้กับวิธีที่ผู้คนสร้างและรับชมคอนเทนต์ใน YouTube


ถือเป็นช่วงเวลา 20 ปีที่น่าตื่นเต้นจริงๆ และเช่นเคยเหมือนทุกๆ ปี ต่อไปนี้คือการเดิมพันครั้งใหญ่สำหรับ YouTube ในปี 2025

ข้อแรก: YouTube จะยังคงเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรม

ภารกิจของเราที่มีมาอย่างยาวนานกว่าทศวรรษคือให้ทุกคนมีโอกาสแสดงแนวคิดและความเป็นตัวของตัวเองให้โลกรับรู้ ซึ่งหมายความว่าเราให้บริการแพลตฟอร์มที่มีเสรีภาพในการพูดและการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ ไม่เหมือนกับแพลตฟอร์มอื่นๆ ระบบนิเวศที่มีชีวิตชีวานี้ช่วยกระตุ้นให้เกิดกลุ่มแฟนคลับและเทรนด์ทางวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็นมิวสิกวิดีโอ Shorts ที่กำลังเป็นที่นิยม คอนเทนต์แบบเป็นตอนๆ และ ไลฟ์สดที่มีความยาวเป็นชั่วโมง

เป็นที่แน่ชัดว่า YouTube เป็นแพลตฟอร์มที่ชาวอเมริกันนิยมเข้ามารับชมคอนเทนต์เกี่ยวกับการเลือกตั้งในช่วงก่อนที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาปี 2024 จากแหล่งต่างๆ มากมาย เช่น การสัมภาษณ์ประธานาธิบดี Trump ของ Joe Rogan ซึ่งมียอดดูถึง 55 ล้านครั้ง (และยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ) และคอนเทนต์ตลกขบขันสั้นๆ จากรายการ Saturday Night Live ในวันเลือกตั้งเพียงวันเดียว มีผู้ชมกว่า 45 ล้านคนในสหรัฐอเมริการับชมคอนเทนต์เกี่ยวกับการเลือกตั้งใน YouTube บางคนก็เรียกเหตุการณ์ครั้งนี้ว่า “การเลือกตั้งใน YouTube” ซึ่งทำให้คิดถึงเหตุการณ์ที่คล้ายกันในปี 2008 นั่นก็คือ “การอภิปรายใน YouTube” ตั้งแต่การเลือกตั้ง โอลิมปิก เทศกาล Coachella ซูเปอร์โบวล์ ไปจนถึงการแข่งขันคริกเกตชิงแชมป์โลก ต่างก็เป็นโมเมนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกที่นำเสนอผ่าน YouTube

พอดแคสต์ถือเป็นหนึ่งในรูปแบบคอนเทนต์ที่มีอิทธิพลมากที่สุดและขับเคลื่อนวัฒนธรรม ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมบน YouTube ตอนนี้ YouTube เป็นบริการที่มีคนใช้ฟังพอดแคสต์บ่อยที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยเราได้ลงทุนกับการพัฒนาประสบการณ์การฟังพอดแคสต์มานานแล้ว และครีเอเตอร์ก็พบว่าวิดีโอทำให้คอนเทนต์รูปแบบนี้มีความน่าสนใจยิ่งขึ้น ในปีนี้ เราจะเปิดตัวเครื่องมือเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนครีเอเตอร์พอดแคสต์ เพิ่มการสร้างรายได้ให้ครีเอเตอร์ และทำให้ผู้ชมค้นพบพอดแคสต์ได้ง่ายขึ้น


นอกจากนี้ YouTube ยังเป็นพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมอีกด้วย เพราะคอนเทนต์นั้นไม่มีขอบเขต ในปี 2024 เวลาในการรับชมมากกว่า 95% ของครีเอเตอร์สาวชาวฝรั่งเศสอย่าง Sarah Lezito มาจากผู้ชมที่อยู่ในประเทศอื่นๆ และ The Amazing Digital Circus ที่เป็นซีรีส์แอนิเมชันของช่องจากออสเตรเลียอย่าง GLITCH ก็ได้รับความนิยมไปทั่วโลก โดยปรากฏในรายชื่อคอนเทนต์ส่งท้ายปีของ YouTube ใน 8 ประเทศ

YouTube ไม่ได้เป็นแค่แพลตฟอร์มธรรมดา แต่ยังเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรม โดยเรามุ่งมั่นที่จะส่งเสริมชุมชนที่มีชีวิตชีวาซึ่งทุกคนสามารถแสดงแนวคิดได้

ข้อที่ 2: ครีเอเตอร์ YouTube จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นในการก้าวสู่ฮอลลีวูด

ทุกอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตจำเป็นต้องมีวัฒนธรรมสตาร์ทอัพที่แข็งแรง ครีเอเตอร์จะเป็นผู้นำแนวคิดด้านสตาร์ทอัพสู่วงการฮอลลีวูด โดยอาศัยการผลิตรูปแบบใหม่ การสร้างสตูดิโอที่จะยกระดับคุณภาพการผลิต และการสำรวจช่องทางใหม่ๆ ในการสร้างสรรค์ ครีเอเตอร์กำลังสร้างพื้นที่ใหม่ๆ สำหรับวงการบันเทิงและธุรกิจที่อยู่เบื้องหลัง

เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ผมได้เข้าร่วมงานเปิดสตูดิโอของ Alan Chikin Chow ที่มีขนาด 10,000 ตารางฟุตในเบอร์แบงก์ โดยสตูดิโอแห่งนี้เป็นพื้นที่สวยสะดุดตาสีสันสดใสที่เต็มไปด้วยความสนุก ทั้งยังมาพร้อมอุปกรณ์ทันสมัยที่ช่วยให้สามารถผลิตสื่อบันเทิงอันแสนยอดเยี่ยมที่มีผู้รับชมหลายล้านคนทั่วโลก ปรากฏการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในฮอลลีวูด Kinigra Deon ก็กำลังสร้างสตูดิโอในเบอร์มิงแฮม รัฐแอละแบมา นอกจากนี้ ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ครีเอเตอร์ที่อยู่เบื้องหลังช่องต่างๆ อย่าง Mia Plays และ Kouman ก็ได้เปิดสตูดิโอของตัวเองในนอร์ทแวนคูเวอร์

เราก็มุ่งมั่นที่จะตอบสนองความต้องการของเหล่าครีเอเตอร์ด้วยเครื่องมือและฟีเจอร์ต่างๆ ที่ช่วยส่งเสริมธุรกิจและชุมชนของพวกเขา เราจะยังคงเดินหน้าให้การสนับสนุนการเติบโตของพวกเขาต่อไปผ่านช่องทางรายได้แบบดั้งเดิมอย่างโฆษณาและ YouTube Premium พร้อมทั้งแนะนำวิธีใหม่ๆ สำหรับครีเอเตอร์ในการร่วมมือกับแบรนด์ต่างๆ เพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์ของพวกเขาเกิดขึ้นได้จริง

เช่นเดียวกับกับสตาร์ทอัพทุกแห่ง ครีเอเตอร์มีความรู้ความสามารถเกี่ยวกับการหาแนวทางใหม่ๆ ในการสร้างธุรกิจ และเราจะเพิ่มวิธีใหม่ๆ ในการสร้างรายได้ให้แก่ครีเอเตอร์ ในปีที่ผ่านมา ช่องมากกว่า 50% ที่สร้างรายได้อย่างน้อย 5 หลัก (USD)*** บน YouTube ได้รับรายได้จากแหล่งอื่นๆ นอกเหนือจากโฆษณาและ YouTube Premium นอกจากนี้ สินค้าแนะนำก็กำลังกลายเป็นแหล่งรายได้หลักสำหรับครีเอเตอร์จำนวนมาก เช่น Bora Claire ที่ได้แชร์กับเราว่าเธอสร้างรายได้หลายแสนดอลลาร์ด้วยการขายสินค้าในวิดีโอเดียวที่เธอรีวิวเสื้อคาร์ดิแกนผ้าแคชเมียร์ ในปีที่แล้ว เราพบว่ามีการเป็นสมาชิกของช่องเพิ่มขึ้นมากกว่า 40%****


เรายังเปิดตัวการโต้ตอบระดับใหม่ในแพลตฟอร์มอีกด้วย ซึ่งช่วยให้แฟนๆ มีวิธีมากขึ้นในการสนับสนุนและมีส่วนร่วมกับครีเอเตอร์และชุมชนที่ตัวเองรัก เราเพิ่งเปิดตัวชุมชน (Communities) สำหรับครีเอเตอร์อีกหลายพันคน และเราจะขยายการให้บริการมากยิ่งขึ้นในปีนี้ นอกจากนี้ เรายังจะเปิดตัวฟีเจอร์ไฮป์ (Hype) ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่ที่เปิดโอกาสให้แฟนๆ ได้สนับสนุนครีเอเตอร์หน้าใหม่ ในตลาดอื่นๆ เพิ่มเติมทั่วโลกด้วย

ข้อที่ 3: YouTube เปรียบเสมือนทีวีแบบใหม่

ผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ คิดว่าการดูทีวีคือการดู YouTube ผู้ชมดูคอนเทนต์ YouTube บนทีวีในแต่ละวันกว่า 1 พันล้านชั่วโมงโดยเฉลี่ย และตอนนี้ทีวีก็ได้กลายเป็นอุปกรณ์หลักในการดู YouTube ในสหรัฐอเมริกา***** แต่ทีวีรูปแบบ “ใหม่” นี้ไม่เหมือนทีวีแบบ “เก่า” โดยทีวีแบบใหม่จะเป็นแบบอินเทอร์แอกทีฟและมีคอนเทนต์ต่างๆ เช่น Shorts (ใช่ครับ ผู้คนดู Shorts บนทีวี) พอดแคสต์ และไลฟ์สด รวมไปถึงกีฬา ซิทคอม และทอล์กโชว์ที่ผู้คนชื่นชอบกันอยู่แล้ว


เนื่องจากครีเอเตอร์จำนวนมากขึ้นผลิตคอนเทนต์สำหรับหน้าจอขนาดใหญ่ เราจึงจะปรับปรุงให้ YouTube เหมาะกับทีวีมากที่สุด เช่น ประสบการณ์การรับชมบนหน้าจอที่ 2 ที่ให้คุณทำสิ่งต่างๆ เช่น แสดงความคิดเห็นหรือเลือกซื้อสินค้าจากวิดีโอผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ นอกจากนี้ เรายังทดสอบฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า “Watch With” ซึ่งช่วยให้ครีเอเตอร์สามารถแสดงความคิดเห็นแบบสด รวมถึงรีแอ็กต่อเกมและกิจกรรมต่างๆ แบบเรียลไทม์ เราเริ่มทดสอบฟีเจอร์นี้เมื่อปีที่แล้วกับ NFL และจะทดสอบกับกีฬาอื่นๆ และคอนเทนต์ประเภทต่างๆ ในปีนี้

นอกจากนี้ การเติบโตของ YouTube บนทีวีที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตก็กำลังดึงดูดผู้ลงโฆษณารายใหม่ๆ ด้วย และเรายังคงเดินหน้าเปิดตัวฟอร์แมตใหม่ๆ ที่เหมาะสำหรับหน้าจอขนาดใหญ่โดยเฉพาะ เช่น คิวอาร์โค้ดและโฆษณาช่วงวิดีโอหยุดเล่น บริการที่ต้องสมัครใช้งานของเราพบช่องทางในการสร้างกระแสมากมาย โดย YouTube TV มีสมาชิกมากกว่า 8 ล้านคน นอกจากนี้ YouTube Music และ Premium ก็มีสมาชิกมากกว่า 100 ล้านคน (รวมผู้ที่กำลังทดลองใช้) เราจะปรับปรุงฟีเจอร์ของ YouTube TV ที่แฟนๆ ชื่นชอบอย่างต่อเนื่อง เช่น จังหวะการเล่นที่สำคัญและการดูแบบหลายมุมมอง รวมถึงนำเสนอสิทธิประโยชน์ใหม่ๆ ให้แก่สมาชิก YouTube Premium

ฟีเจอร์สุดล้ำ คอนเทนต์ที่หลากหลาย และบริการที่ต้องสมัครใช้งานซึ่งเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ช่วยให้เรากำหนดรูปแบบประสบการณ์การรับชมคอนเทนต์ผ่านทีวีสำหรับคนรุ่นใหม่ได้

ข้อที่ 4: AI จะทำให้การสร้างและปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน YouTube ของทุกคนง่ายยิ่งขึ้น

AI เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานของเรามาเป็นเวลานาน ตั้งแต่การแนะนำวิดีโอ การสร้างคำบรรยายแทนเสียง ไปจนถึงการช่วยเราค้นหาและนำคอนเทนต์ที่เป็นอันตรายออก เราจะมุ่งสู่อนาคตด้วยการลงทุนกับเครื่องมือ AI ที่ส่งเสริมครีเอเตอร์และศิลปินตลอดเส้นทางการสร้างสรรค์ เมื่อปีที่แล้ว เราได้เปิดตัวดรีมสกรีนและดรีมแทร็ก ซึ่งสร้างภาพพื้นหลัง วิดีโอพื้นหลัง และซาวด์แทร็กเพลงบรรเลงสำหรับ Shorts เราจะลงทุนกับฟีเจอร์เหล่านี้ต่อไป รวมถึงผสานรวม Veo 2 กับดรีมสกรีนในเร็วๆ นี้

ครีเอเตอร์ไม่เพียงแค่ประทับใจโมเดล Generative AI แต่ยังบอกเราว่าตื่นเต้นสุดๆ เกี่ยวกับการที่ AI สามารถช่วยพวกเขาในขั้นตอนหลักของการผลิตด้วย ด้วยเหตุนี้ เราจึงลงทุนกับเครื่องมือต่างๆ เพื่อช่วยในงานสร้างสรรค์ของครีเอเตอร์ในทุกๆ วัน เช่น คิดหาไอเดียใหม่ๆ สำหรับวิดีโอ ชื่อ หรือภาพปก

เรายังใช้ AI เพื่อช่วยครีเอเตอร์ค้นหาผู้ชมใหม่ๆ ด้วย สำหรับวิดีโอที่มีเสียงพากย์ พบว่าเวลาในการรับชมกว่า 40% มาจากผู้ชมที่เลือกฟังเสียงพากย์ในภาษาอื่น เมื่อปีที่แล้ว เราได้เปิดตัวการพากย์เสียงอัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้ครีเอเตอร์แปลวิดีโอของพวกเขาให้เป็นภาษาต่างๆ ด้วยการแตะปุ่มเพียงปุ่มเดียว ในเร็วๆ นี้ เราจะเปิดให้ครีเอเตอร์ทุกคนในโปรแกรมพาร์ทเนอร์ YouTube ใช้การพากย์เสียงอัตโนมัติ เราจะดำเนินการปรับปรุงฟีเจอร์นี้ต่อไปและขยายการให้บริการในภาษาอื่นๆ ตลอดทั้งปี


นอกเหนือจากความพยายามด้าน AI ทั้งหมด เรายังมุ่งเน้นไปที่การสร้างข้อกำหนดการใช้งานที่เหมาะสมเพื่อปกป้องผลงานสร้างสรรค์บน YouTube ซึ่งหมายถึงการพัฒนาเครื่องมือใหม่ๆ เพื่อช่วยให้แต่ละคนสามารถตรวจหาและควบคุมวิธีใช้งาน AI ในการนำเสนอคอนเทนต์ของตนเองบน YouTube การนำร่องกับพาร์ทเนอร์ในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์จะช่วยให้บุคคลที่มีอิทธิพลต่อโลกมากที่สุดบางส่วนมีสิทธิ์เข้าถึงเทคโนโลยีในระยะเริ่มต้นนี้ในไม่ช้า และจะมีการให้ความคิดเห็นที่สำคัญเพื่อช่วยเราสร้างระบบตรวจจับและปรับแต่งการควบคุม

นอกจากนี้เรายังให้ความสำคัญกับการปกป้องผู้ใช้อายุน้อยด้วย ด้วยเหตุนี้เราจึงสร้าง YouTube Kids ขึ้นมาและเปิดตัวบัญชีที่มีการควบคุมดูแล รวมถึงลงทุนกับประสบการณ์การเรียนรู้และการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงวิธีที่วิดีโอแสดงในเครื่องมือทางการศึกษา การทำให้การดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหัวข้อต่างๆ ในวิดีโอง่ายขึ้น ตลอดจนการเปิดตัวฟีเจอร์ที่ช่วยให้ครีเอเตอร์สร้างหลักสูตรได้ ในปี 2025 นี้ เราจะใช้แมชชีนเลิร์นนิงมาช่วยประเมินอายุของผู้ใช้เพื่อจำแนกระหว่างผู้ชมอายุน้อยกับผู้ชมที่เป็นผู้ใหญ่ เพื่อช่วยมอบการปกป้องและประสบการณ์การใช้งานที่เหมาะสมกับวัยมากที่สุด

เราจะใช้ศักยภาพของ AI ต่อไปอย่างมีความรับผิดชอบเพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน YouTube สำหรับทุกคน

มุ่งหน้าสู่ 20 ปีถัดไป

เป็นเรื่องน่าทึ่งที่ YouTube ได้ช่วยให้ผู้คนสร้างสรรค์ผลงาน เรียนรู้ เชื่อมต่อถึงกัน และอีกมากมายเป็นเวลาถึง 2 ทศวรรษแล้ว ในขณะที่เดินหน้าเข้าสู่บทต่อไป เราก็มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมศักยภาพของครีเอเตอร์ สนับสนุนชุมชน รวมถึงปรับปรุงประสบการณ์การรับชม รับฟัง และการเชื่อมโยงกันของผู้คนทั่วโลกด้วย

ขอขอบคุณชุมชนครีเอเตอร์ ศิลปิน ผู้ชม ผู้ลงโฆษณา และพาร์ทเนอร์ที่แสนยอดเยี่ยมในการทำให้ YouTube เป็นอย่างเช่นทุกวันนี้ เราตื่นเต้นมากที่จะได้ร่วมสร้างสรรค์ไปกับคุณตลอดช่วง 20 ปีข้างหน้า

Neal Mohan
CEO ของ YouTube

*ข้อมูล ณ เดือนธันวาคม 2024 จากบริการทั้งหมดของ YouTube
**The Gauge Report ของ Nielsen, ก.พ. 2023 - ม.ค. 2025
***ช่องที่อยู่ในโปรแกรมพาร์ทเนอร์ YouTube
****ข้อมูล ณ เดือนธันวาคม 2024
*****อิงตามเวลาในการรับชมในทุกบริการของ YouTube ข้อมูล ณ เดือนธันวาคม 2024


เนื่องในโอกาสวัน Safer Internet Day หรือ วันแห่งการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย  Google ได้เผย 5 เทรนด์กลโกงออนไลน์ล่าสุด พร้อมทั้งแนะนำเคล็ดลับการรักษาความปลอดภัยบนโลกออนไลน์ เพื่อช่วยให้คนไทยรู้ทันและสามารถปกป้องตัวเองจากกลโกงประเภทต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น และนี่คือ 5 เทรนด์กลลวงมิจฉาชีพพร้อมเคล็ดลับความปลอดภัยจาก Google

1. การใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์สำคัญ


มิจฉาชีพมักใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์สำคัญโดยอาจใช้ AI เพื่อสร้างกลลวงใหม่ๆ และพัฒนากลลวงที่มีอยู่เดิม มิจฉาชีพจะใช้เหตุการณ์ที่เป็นที่สนใจของผู้คนในขณะนั้น ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ต อีเว้นท์เกี่ยวกับกีฬา เทศกาลต่างๆ หรือภัยพิบัติทางธรรมชาติ มาต่อยอดเป็นกลอุบายเพื่อหลอกล่อเหยื่อ เช่น การขายตั๋วปลอมและการสวมรอยเป็นองค์กรเพื่อการกุศลที่ดูน่าเชื่อถือ เป็นต้น โดยมิจฉาชีพจะสร้างสถานการณ์ที่กดดันเพื่อกระตุ้นให้เหยื่อรีบตัดสินใจและหลงกลในที่สุด

ในการรับมือกับกลโกงรูปแบบนี้ Google ได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบและการบังคับใช้นโยบายในช่วงที่มีเหตุการณ์สำคัญและวิกฤตต่างๆ นอกจากนี้ยังได้กำหนดนโยบายเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่มีความละเอียดอ่อนโดยเฉพาะสำหรับ Google Ads และ Google Shopping รวมไปถึงการสร้างรายได้บน YouTube และ Google Play โดยไม่อนุญาตผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เอารัดเอาเปรียบ ด้อยค่า หรือยอมรับต่อเหตุการณ์ที่มีความละเอียดอ่อน หรือการใช้คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่มีความละเอียดอ่อนเพื่อพยายามกระตุ้นให้ได้รับการเข้าชมเพิ่มเติม

เคล็ดลับความปลอดภัย: ซื้อตั๋วและบริจาคผ่านช่องทางอย่างเป็นทางการเท่านั้น ตรวจสอบองค์กรการกุศลและตรวจสอบ URL ก่อนคลิก ใช้ฟีเจอร์ “เกี่ยวกับผลการค้นหานี้” (About this results) ใน Google Search เพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูล

2. การใช้ AI ปลอมหน้า-เสียงบุคคลที่มีชื่อเสียงเพื่อหลอกให้ลงทุน


มิจฉาชีพอาจใช้ AI สร้างวิดีโอหรือรูปภาพของบุคคลที่มีชื่อเสียงเพื่อหลอกเหยื่อให้ร่วมลงทุน โดยมักมีการใช้เทคโนโลยี Deepfake ร่วมกับบทความข่าวและโพสต์บนโซเชียลมีเดียที่แต่งขึ้นมาเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับกลลวง ซึ่งมักพบในแพลตฟอร์มการซื้อขายและแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล การผสมผสานของใบหน้าที่คุ้นเคย เนื้อหาที่ดูเหมือนเป็นมืออาชีพ และคำมั่นสัญญาถึงผลตอบแทนสูง สามารถทำให้การหลอกลวงเหล่านี้ดูน่าเชื่อถือเป็นพิเศษได้

ในปีที่ผ่านมา Google ได้อัปเดตนโยบายการสื่อให้เข้าใจผิด (Misrepresentation) เพื่อจัดการกับการหลอกลวงที่แอบอ้างเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงใน Google Ads ด้าน YouTube ก็มีนโยบายการแอบอ้างเป็นบุคคลอื่น (Impersonation) ที่ใช้มาอย่างยาวนาน ซึ่งไม่อนุญาตให้แสดงเนื้อหาที่มีเจตนาแอบอ้างเป็นบุคคลอื่นหรือช่องอื่น รวมถึงนโยบายการให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง (Misinformation) ที่ไม่อนุญาตให้แสดงเนื้อหาที่ได้รับการดัดแปลงหรือแก้ไขทางเทคนิคจนทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิด (นอกเหนือจากคลิปที่มักปรากฏโดยไม่มีบริบท) และอาจมีความเสี่ยงสูงว่าจะเป็นภัยร้ายแรง นอกจากนี้ Google ยังได้พัฒนาเครื่องมือแบบโอเพนซอร์สอย่างเช่น SynthID ที่ใช้ใส่ลายน้ำและระบุคอนเทนต์ที่ AI สร้างขึ้น

เคล็ดลับความปลอดภัย: อย่าหลงเชื่อคำแนะนำการลงทุนของนักลงทุนชั้นนำหรือบุคคลที่มีชื่อเสียงง่ายๆ โดยเฉพาะบนโซเชียลมีเดีย ให้สังเกตการแสดงสีหน้าที่ไม่เป็นธรรมชาติในวิดีโอ หากการลงทุนใดดูดีเกินจริง ก็อาจเป็นกลโกงได้

3. การหลอกขายแพ็กเกจท่องเที่ยวและสินค้าออนไลน์


มิจฉาชีพมักสร้างเว็บไซต์ช็อปปิ้ง เว็บไซต์การท่องเที่ยว และเว็บไซต์ร้านค้าปลอมขึ้นมาเพื่อหลอกล่อเหยื่อด้วยสินค้ายอดนิยม สินค้าหรูหรา ตั๋วคอนเสิร์ต และข้อเสนอการเดินทางในราคาที่ถูกเกินจริง โดยเว็บไซต์ปลอมจะดูเหมือนเว็บไซต์ของจริงทุกอย่าง ตั้งแต่การออกแบบเว็บไซต์ไปจนถึงหน้าบริการลูกค้า ทำให้แยกออกได้ยากว่าเป็นของจริงหรือของปลอม มิจฉาชีพจะใช้เทคนิคต่างๆ เช่น “การปิดบังหน้าเว็บจริง” (Cloaking) เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ และสร้างความรู้สึกเร่งด่วน เช่น แจ้งว่าเป็น “ข้อเสนอพิเศษแบบจำกัดเวลา” เพื่อกดดันให้ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว เหยื่อมักจะไม่ได้รับสินค้า ได้รับสินค้าปลอม หรือถูกเรียกเก็บยอดบัตรเครดิตโดยที่ไม่ได้ใช้และถูกขโมยข้อมูลส่วนตัว นอกจากนี้ มิจฉาชีพยังบิดเบือนข้อมูลธุรกิจด้วยการเพิ่มหมายเลขติดต่อปลอมเพื่อสวมรอยเป็นธุรกิจที่มีอยู่จริง

Google คอยตรวจสอบและนำเว็บไซต์ที่ทำการฟิชชิง ปิดบังหน้าเว็บจริง หรือแอบอ้างเป็นธุรกิจที่มีอยู่จริงออกจากระบบอยู่เสมอ นอกจากนี้ ผู้ลงโฆษณาอาจจำเป็นต้องทำการยืนยันตัวตนในโปรแกรมการยืนยันตัวตนผู้ลงโฆษณาเพื่อยืนยันข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจหรือข้อมูลประจำตัว ซึ่งจะช่วยให้เราเข้าใจได้ดีขึ้นว่าผู้ลงโฆษณาเป็นใครและกำลังโฆษณาอะไรอยู่

เคล็ดลับความปลอดภัย: ตรวจสอบเว็บไซต์ให้ดีก่อนซื้อสินค้า โดยเฉพาะในช่วงลดราคา ตรวจสอบ URL ฟีเจอร์ความปลอดภัย และระวังเรื่องราคาที่ถูกเกินจริงและการกดดันให้รีบตัดสินใจ ใช้ฟีเจอร์ “เกี่ยวกับผลการค้นหานี้” (About this results) สำหรับเว็บไซต์ที่ไม่คุ้นเคย ค้นหาข้อมูลผู้ลงโฆษณาและรายงานโฆษณาที่ไม่ดีผ่าน My Ad Center

4. กลโกงที่ใช้เทคโนโลยีการเข้าถึงระยะไกล


มิจฉาชีพมักแอบอ้างเป็นผู้สนับสนุนทางเทคนิคจากบริษัท ธนาคาร และหน่วยงานของรัฐ และสร้างสถานการณ์เร่งด่วนด้วยการอ้างว่ามีปัญหาด้านอุปกรณ์ บัญชี หรือความปลอดภัย มิจฉาชีพจะใช้ภาษาทางเทคนิคที่น่าเชื่อถือและหน้าสนับสนุนปลอม นอกจากนี้ยังมีการใช้เทคนิคที่ซับซ้อน เช่น การปลอมแปลงหมายเลขผู้โทรและการสนทนาตามสคริปต์มาช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ มิจฉาชีพจะมีวิธีการเข้าถึงเหยื่อที่แตกต่างกันไป เช่น เมื่อพุ่งเป้าไปที่กลุ่มผู้สูงอายุก็จะแอบอ้างเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่พวกเขาคุ้นเคย และใช้แพลตฟอร์มเกมเพื่อโจมตีกลุ่มวัยรุ่น โดยเป้าหมายของเหล่ามิจฉาชีพคือการหลอกล่อเหยื่อให้ติดตั้งซอฟต์แวร์การเข้าถึงระยะไกล (Remote Access) เพื่อให้สิทธิ์ควบคุมอุปกรณ์และเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลบัญชีธนาคารออนไลน์ และความสามารถในการทำธุรกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาต

Google มีการรักษาความปลอดภัยแบบหลายชั้น เช่น ระบบที่คอยตรวจจับและบล็อกเว็บไซต์และโฆษณาที่น่าสงสัย ฟีเจอร์รักษาความปลอดภัยในตัวของ Google Messages ที่จะแจ้งเตือนผู้ใช้หากตรวจพบสิ่งที่น่าสงสัย และการเปิดให้ธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมายสามารถแสดงข้อมูลเกี่ยวกับตัวเลือกการสนับสนุนลูกค้าที่ได้รับการยืนยันบน Google Search นอกจากนี้ยังมี Google Safe Browsing ที่จะเตือนผู้ใช้เกี่ยวกับเว็บไซต์และการดาวน์โหลดที่อาจเป็นอันตรายอีกด้วย

เคล็ดลับความปลอดภัย: อย่าให้สิทธิ์การเข้าถึงระยะไกลที่คุณไม่ได้เป็นผู้สั่งให้ทำโดยเด็ดขาด บริษัทที่มีตัวตนจริงและถูกต้องตามกฎหมายจะไม่โทรหาลูกค้าจากฝ่ายสนันสนุนด้านเทคนิค ให้ติดต่อบริษัทเหล่านี้โดยตรงผ่านช่องทางอย่างเป็นทางการเท่านั้น เพิ่มความปลอดภัยด้วยการยืนยันแบบ 2 ขั้นตอน พาสคีย์ หรือเครื่องมือจัดการรหัส

5. การหลอกให้สมัครงาน


มิจฉาชีพที่หลอกให้สมัครงานมักฟุ่งเป้าไปที่กลุ่มคนที่มองหางานออนไลน์และต้องการไปทำงานต่างประเทศที่ให้ค่าตอบแทนสูง โดยจะประกาศรับสมัครงานปลอมตามเว็บไซต์หางานและโซเชียลมีเดีย รวมทั้งมีการทำวิดีโอสัมภาษณ์ที่ดูเป็นมืออาชีพและจัดเตรียมกระบวนการรับสมัครงานไว้อย่างละเอียด โดยมักจะแอบอ้างเป็นบริษัทต่างชาติที่ทำธุรกิจในด้านต่างๆ เช่น การซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล หรือการตลาดดิจิทัล  นอกจากนี้ยังมีการทำสัญญาและเอกสารที่ดูเหมือนจริงเพื่อช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ นอกเหนือจากหลอกให้เหยื่อชำระค่าธรรมเนียมเบื้องต้นหรือขโมยข้อมูลของเหยื่อแล้ว กลลวงประเภทนี้มักเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินและกิจกรรมผิดกฎหมายอื่นๆ ด้วย เหยื่ออาจทำธุรกรรมทางการเงินหรือโอนสกุลเงินดิจิทัลโดยไม่รู้ตัวจนทำให้ติดร่างแหว่าเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการมิจฉาชีพได้

Google มีระบบที่ถูกออกแบบมาเพื่อตรวจจับและบล็อกเนื้อหาเกี่ยวกับการรับสมัครงานที่น่าสงสัยที่มีแนวโน้มว่าจะเข้าข่ายการฉ้อโกง นอกจากนี้อาจต้องมีการยืนยันเพิ่มเติมเพื่อช่วยให้ระบบมีความเข้าใจเกี่ยวกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังการเผยแพร่เนื้อหาดังกล่าวได้ดียิ่งขึ้น

เคล็ดลับความปลอดภัย: ระวังข้อเสนอการจ้างงานที่ “ดูดีเกินจริง” โดยเฉพาะข้อเสนอที่มีการโอนเงิน นายจ้างที่ถูกต้องตามกฎหมายจะไม่มีการเรียกเก็บเงินในระหว่างการจ้างงานหรือใช้บัญชีส่วนตัวในการทำธุรกิจ ให้ตรวจสอบการรับสมัครงานในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของบริษัท และใช้ใช้ฟีเจอร์ “เกี่ยวกับผลการค้นหานี้” (About this results) เพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูล 

การปกป้องผู้ใช้จากการหลอกลวงบนโลกออนไลน์ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ผู้ไม่ประสงค์ดีมักพัฒนากลวิธีและเทคนิคใหม่ๆ อยู่เสมอ ในขณะเดียวกัน Google ก็ไม่หยุดยั้งในการพัฒนาเทคนิคการตรวจจับและการบังคับใช้นโยบายเพื่อรับมือกับภัยคุกคามเหล่านี้ ตลอดจนยกระดับการรักษาความปลอดภัยเชิงรุก และทำให้แน่ใจว่ามีนโยบายที่เข้มงวดและเป็นธรรมเพื่อปกป้องผู้คนให้ปลอดภัย